WordPress vs. Wix vs. Squarespace: เลือกอย่างไรให้ "เหมาะกับงาน" ของคุณ (ที่ไม่มีใครบอกคุณ!)

กำลังลังเลว่าจะเลือก WordPress, Wix, หรือ Squarespace มาสร้างเว็บไซต์อยู่ใช่ไหม? บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุม พร้อมเปิดเผยเคล็ดลับให้คุณเลือกแพลตฟอร์มที่ "เหมาะกับงาน" ของคุณที่สุด ไม่ใช่แค่ตามกระแส!

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมที่หลายคนสงสัยว่า "เอ๊ะ...จะเลือกอันไหนดีนะ ให้มันเหมาะกับเราจริงๆ?" ไม่ต้องห่วงครับ ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว และวันนี้จะมาช่วยสรุปให้เห็นภาพชัดๆ ว่าระหว่าง WordPress, Wix, และ Squarespace ตัวไหนคือคู่แท้สำหรับงานของคุณ

บอกเลยว่าบทความนี้ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบฟีเจอร์แห้งๆ แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์และมุมมองที่คุณอาจไม่เคยได้ยินจากที่อื่น เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าลงทุนลงแรงไปกับแพลตฟอร์มไหนแล้วจะไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง

ปูพื้นฐานกันก่อน: ทำไมการเลือกแพลตฟอร์มถึงสำคัญนัก?

คุณอาจคิดว่า "ก็แค่เว็บไซต์ จะอันไหนก็เหมือนๆ กันแหละมั้ง?" ผมบอกเลยว่าไม่จริงครับ! การเลือกแพลตฟอร์มมันเหมือนกับการเลือกเครื่องมือช่าง ถ้าคุณจะตอกตะปู คุณก็ต้องใช้ค้อน ไม่ใช่ไขควงจริงไหมครับ?

แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่น จุดด้อย และปรัชญาในการสร้างที่แตกต่างกัน การเลือกถูกจะช่วยให้คุณประหยัดเวลา, ลดความปวดหัว, และทำให้เว็บไซต์ของคุณประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น

และที่สำคัญนะครับ ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัดและกำลังคิดจะจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ การมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับแพลตฟอร์มเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสื่อสารกับบริษัทรับทำเว็บไซต์ได้เข้าใจมากขึ้น และรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนบนแต่ละแพลตฟอร์มครับ

เอาล่ะ! พร้อมจะลุยกันรึยังครับ? มาดูกันทีละตัวเลย!

1. WordPress: ขุมทรัพย์แห่งความยืดหยุ่น...แต่ต้องเรียนรู้ที่จะขุด!

ถ้าพูดถึง WordPress ผมอยากให้คุณนึกภาพถึง "เลโก้บล็อกแบบไร้ขีดจำกัด" ครับ!

เรากำลังพูดถึง WordPress.org นะครับ (ไม่ใช่ WordPress.com ที่เป็นแบบสำเร็จรูปกว่า) นี่คือแพลตฟอร์ม Open Source ที่คุณสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งบนโฮสติ้งของคุณเองได้ฟรี!

WordPress เหมาะกับใคร? ผมว่า WordPress เหมาะกับคนที่:

  • ชอบความอิสระ: คุณอยากได้เว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้ทุกซอกทุกมุม อยากใส่ฟีเจอร์แปลกๆ ที่ไม่มีใครทำ อยากให้หน้าตาเป็นแบบที่คุณวาดฝันไว้เป๊ะๆ
  • มีงบประมาณสำหรับการลงทุน (เวลา/เงิน): ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่คุณจะศึกษาเอง หรือเงินที่คุณจะจ้างคนมาดูแลให้ เพราะ WordPress.org ต้องมีการจัดการเรื่องโฮสติ้ง, ความปลอดภัย, การอัปเดตเอง
  • คิดการณ์ไกล: คุณมองว่าเว็บไซต์ของคุณจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ต้องการขยายฟังก์ชันการทำงานในอนาคต เช่น เพิ่มระบบสมาชิก, ระบบจอง, หรือร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่
  • สนใจเรื่อง SEO แบบเจาะลึก: WordPress มีปลั๊กอินด้าน SEO ที่ทรงพลังมากๆ อย่าง Yoast SEO หรือ Rank Math ซึ่งช่วยให้คุณจัดการเรื่อง รับทำSEO ได้ละเอียดถึงระดับโค้ด และเป็นมิตรกับ Google สุดๆ ครับ

 

จุดเด่นที่ทำให้ WordPress ไม่เหมือนใคร:

  • ปลั๊กอินนับแสน!: ไม่ว่าจะอยากทำอะไรบนเว็บไซต์ แทบจะมีปลั๊กอินมารองรับหมด ตั้งแต่ระบบจอง, ระบบสมาชิก, ฟอร์มติดต่อ, แกลเลอรีรูปภาพ, ไปจนถึงการทำเว็บไซต์สำหรับอสังหาริมทรัพย์ หรือเว็บไซต์ข่าวสารขนาดใหญ่ เรียกว่าแทบไม่มีข้อจำกัดเลย
  • ธีมสวยๆ เพียบ: มีทั้งธีมฟรีและเสียเงินให้เลือกเยอะมาก แต่ละธีมก็มีดีไซน์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ตั้งแต่บล็อกส่วนตัวไปจนถึง E-commerce
  • เป็นมิตรต่อ SEO ขั้นเทพ: WordPress เป็นมิตรต่อการทำ SEO มาตั้งแต่เกิด และปลั๊กอิน SEO ก็ช่วยให้คุณปรับแต่งได้ละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็น On-page SEO, Technical SEO, หรือการสร้าง Sitemap เพื่อให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น การจะติดอันดับการค้นหาดีๆ นี่แหละคือจุดแข็งของ WordPress ที่หลายคนยอมลงทุนเรียนรู้เลย
  • คอมมูนิตี้ใหญ่มาก: ถ้าคุณติดปัญหาอะไร ไม่ต้องห่วง! มีคนใช้งาน WordPress ทั่วโลกกว่า 40% ของเว็บไซต์ทั้งหมด หมายความว่ามีแหล่งข้อมูล, ฟอรั่ม, และผู้เชี่ยวชาญพร้อมช่วยเหลือคุณเพียบ หรือถ้าคุณจะจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ เขาก็จะคุ้นเคยกับ WordPress มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นแน่นอนครับ

 

แต่...ก็มีสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ:

  • มี Learning Curve: ยอมรับเลยว่าถ้าคุณเป็นมือใหม่มากๆ อาจจะต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร ไม่ใช่แค่ลากวางเสร็จ เพราะคุณต้องจัดการเรื่องโฮสติ้ง, โดเมน, การอัปเดตปลั๊กอิน/ธีม, และความปลอดภัยเอง
  • ค่าใช้จ่ายอาจดูเหมือนไม่แพง แต่...: ตัว WordPress ฟรีก็จริง แต่คุณต้องจ่ายค่าโฮสติ้ง (เซิร์ฟเวอร์สำหรับเว็บไซต์), ค่าโดเมน (ชื่อเว็บไซต์ของคุณ), และบางทีอาจต้องซื้อธีมหรือปลั๊กอินพรีเมียม ซึ่งรวมๆ แล้วอาจจะไม่ได้ถูกกว่าแพลตฟอร์มสำเร็จรูปเสมอไป
  • ต้องดูแลเอง: เหมือนมีบ้านเป็นของตัวเองครับ คุณต้องคอยปัดกวาดเช็ดถู (อัปเดต), ซ่อมแซม (แก้บั๊ก), และป้องกันโจร (ความปลอดภัย) ถ้าคุณไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ อาจจะต้องจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ หรือ Freelance มาช่วยดูแลครับ

 

สรุปสั้นๆ สำหรับ WordPress: ถ้าคุณต้องการเว็บไซต์ที่เติบโตได้ไม่จำกัด, ควบคุมได้ทุกอย่าง, และพร้อมจะลงแรงศึกษา หรือมีงบประมาณสำหรับผู้เชี่ยวชาญ นี่คือตัวเลือกอันดับหนึ่งครับ!

2. Wix: สร้างเว็บสวยง่าย...เหมือนมีเวทมนตร์!

ถ้า WordPress คือเลโก้ Wix ก็คือ "ของเล่นสำเร็จรูปที่สวยงาม" ครับ! คุณแกะกล่องออกมาประกอบแป๊บเดียวก็ได้ตามภาพปกแล้ว

Wix คือแพลตฟอร์ม All-in-One ที่ออกแบบมาเพื่อความง่ายในการใช้งานขั้นสุด ด้วยระบบ Drag-and-Drop ที่แท้จริง คุณสามารถลากและวางองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างอิสระบนหน้าจอ แล้วเห็นผลลัพธ์ได้ทันที

Wix เหมาะกับใคร? ผมว่า Wix เหมาะกับคนที่:

  • เป็นมือใหม่ขั้นสุด: ไม่เคยสร้างเว็บไซต์มาก่อนเลย ไม่มีความรู้เรื่องโค้ดดิ้งแม้แต่น้อย แต่ต้องการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองให้เร็วที่สุด
  • ต้องการความรวดเร็ว: อยากให้เว็บไซต์เสร็จภายในไม่กี่วัน หรือไม่กี่ชั่วโมง เพื่อเริ่มธุรกิจหรือแสดงผลงานได้เลย
  • เน้นดีไซน์ที่หลากหลาย: มีเทมเพลตให้เลือกเยอะมาก และแต่ละเทมเพลตก็สวยงาม ดูทันสมัย ไม่ต้องคิดมากเรื่องดีไซน์
  • ไม่ต้องการยุ่งยากเรื่องเทคนิค: ไม่อยากปวดหัวเรื่องโฮสติ้ง, ความปลอดภัย, หรือการอัปเดต เพราะ Wix จัดการให้หมด

 

จุดเด่นที่ทำให้ Wix เข้าถึงง่าย:

  • ใช้งานง่ายที่สุด: อันนี้คือจุดเด่นที่ไม่มีใครเถียง ระบบ Drag-and-Drop ที่แท้จริงทำให้คุณควบคุมการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ได้ละเอียดมาก
  • เทมเพลตเพียบ: มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกมากกว่า 800 แบบ ครอบคลุมทุกธุรกิจและทุกประเภทเว็บไซต์ คุณแค่เลือกเทมเพลตที่ชอบแล้วก็เริ่มปรับแต่งได้เลย
  • ฟีเจอร์ในตัวเยอะ: Wix มีฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นครบครันอยู่ในตัวแพลตฟอร์ม ไม่ต้องไปหาปลั๊กอินเพิ่มให้วุ่นวาย เช่น ระบบร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก (Wix Stores), ระบบจองคิว (Wix Bookings), แกลเลอรีรูปภาพ, แบบฟอร์มติดต่อ, และเครื่องมือการตลาดอีเมลเบื้องต้น
  • ดูแลให้ทุกอย่าง: ไม่ต้องกังวลเรื่องโฮสติ้ง, SSL Certificate (ความปลอดภัยของเว็บไซต์), หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์ Wix จัดการให้ทั้งหมด คุณแค่โฟกัสกับการสร้างเนื้อหาและการออกแบบก็พอ

 

แต่...ก็มีสิ่งที่ต้องพิจารณา:

  • ข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น: แม้จะปรับแต่งได้เยอะ แต่ถ้าคุณต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อน หรือปรับแต่งที่ลงลึกไปถึงโค้ด Wix จะมีข้อจำกัด คุณไม่สามารถใส่โค้ดเองได้อย่างอิสระเหมือน WordPress
  • การย้ายข้อมูลเป็นเรื่องยาก: นี่คือข้อด้อยสำคัญของแพลตฟอร์มสำเร็จรูป ถ้าวันหนึ่งคุณไม่พอใจ Wix และอยากย้ายเว็บไซต์ไปแพลตฟอร์มอื่น การย้ายข้อมูลออกมาเป็นเรื่องที่ยากมาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คุณอาจจะต้องสร้างเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมด
  • ประสิทธิภาพอาจไม่เท่า WordPress สำหรับเว็บใหญ่ๆ: ถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเยอะมากๆ หรือมีผู้เข้าชมจำนวนมหาศาล Wix อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องความเร็วและประสิทธิภาพเท่า WordPress ที่ปรับแต่งมาอย่างดี
  • แพ็คเกจฟรีมีข้อจำกัด: ถ้าใช้แพ็คเกจฟรี จะมีโฆษณาของ Wix ขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ และ URL จะเป็น username.wixsite.com/sitename ซึ่งดูไม่เป็นมืออาชีพเท่าไหร่

 

สรุปสั้นๆ สำหรับ Wix: ถ้าคุณคือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก, ฟรีแลนซ์, หรือศิลปิน ที่ต้องการเว็บไซต์สวยๆ สักเว็บอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องเทคนิค และไม่คิดจะย้ายแพลตฟอร์มในอนาคต Wix คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมครับ!



3. Squarespace: สวยแพง...จบครบในที่เดียว!

สำหรับ Squarespace ผมอยากให้คุณนึกถึง "นิตยสารแฟชั่นเล่มโปรด" ครับ! ทุกหน้าถูกจัดวางมาอย่างประณีต สวยงาม หรูหรา และดูมืออาชีพไปหมด

Squarespace เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นเรื่องการออกแบบที่หรูหราและเรียบง่ายเป็นหลัก มีเทมเพลตที่สวยงามและดูแพง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างแบรนด์ที่ดูน่าเชื่อถือและมีสไตล์

Squarespace เหมาะกับใคร? ผมว่า Squarespace เหมาะกับคนที่:

  • ให้ความสำคัญกับการออกแบบเป็นอันดับแรก: คุณต้องการเว็บไซต์ที่ดูพรีเมียม, มีสไตล์, และสะท้อนความเป็นแบรนด์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • เป็นศิลปิน, ช่างภาพ, นักออกแบบ, หรือธุรกิจที่เน้นภาพลักษณ์: ต้องการโชว์ผลงาน หรือสินค้าที่ต้องอาศัยการนำเสนอด้วยภาพที่สวยงาม
  • ต้องการร้านค้าออนไลน์ที่ดูดี: Squarespace มีฟีเจอร์ E-commerce ในตัวที่ใช้งานง่ายและออกแบบมาดีเยี่ยม
  • ไม่ต้องการยุ่งยากเรื่องเทคนิค: เหมือน Wix, Squarespace ดูแลเรื่องโฮสติ้ง, ความปลอดภัย, และการอัปเดตให้คุณทั้งหมด

 

จุดเด่นที่ทำให้ Squarespace ดูโดดเด่น:

  • ดีไซน์ที่เหนือระดับ: นี่คือจุดแข็งที่สุดของ Squarespace เทมเพลตทุกอันถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ดูทันสมัย และมีความเป็นมืออาชีพสูง ทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือตั้งแต่แรกเห็น
  • เครื่องมือ E-commerce ที่ครบครัน: ถ้าคุณจะเปิดร้านค้าออนไลน์ Squarespace มีระบบตะกร้าสินค้า, การจัดการสินค้าคงคลัง, การรับชำระเงิน, และระบบจัดการคำสั่งซื้อที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ
  • ใช้งานง่ายแต่ดูดี: แม้จะไม่ยืดหยุ่นเท่า WordPress แต่การปรับแต่งบน Squarespace ก็ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาสวยงามเสมอ
  • มีฟีเจอร์การตลาดและ SEO ในตัว: Squarespace มีเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการทำ SEO, การสร้าง Email Marketing, และการเชื่อมต่อกับ Social Media มาให้ในตัว ทำให้คุณสามารถเริ่มต้นทำการตลาดได้ง่ายขึ้น
  • Support ที่ดี: Squarespace มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมช่วยเหลือคุณเมื่อเกิดปัญหา ทำให้คุณสบายใจได้

 

แต่...ก็มีสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ:

  • ความยืดหยุ่นน้อยกว่า WordPress: ถ้าคุณอยากได้ฟีเจอร์เฉพาะเจาะจงที่ไม่มีใน Squarespace การเพิ่มเข้าไปอาจทำได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย คุณจะถูกจำกัดอยู่ในกรอบที่ Squarespace กำหนดไว้
  • ตัวเลือกเทมเพลตน้อยกว่า Wix: แม้จะสวยงาม แต่ Squarespace มีจำนวนเทมเพลตให้เลือกน้อยกว่า Wix อย่างเห็นได้ชัด
  • ราคาค่อนข้างสูง: Squarespace ไม่มีแพ็คเกจฟรี และแพ็คเกจแบบเสียเงินก็มักจะมีราคาสูงกว่า Wix หรือถ้าเทียบกับ WordPress ที่จ่ายค่าโฮสติ้งและโดเมนเอง อาจจะสูงกว่าเล็กน้อย (แต่ก็แลกมากับการที่ไม่ต้องดูแลเอง)
  • การย้ายข้อมูลก็ยากเช่นกัน: คล้ายกับ Wix ถ้าคุณคิดจะย้ายออกจาก Squarespace ในอนาคต การนำข้อมูลออกไปใช้แพลตฟอร์มอื่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ

 

สรุปสั้นๆ สำหรับ Squarespace: ถ้าดีไซน์คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณ และคุณต้องการเว็บไซต์ที่ดูพรีเมียม, เรียบง่าย, และมีฟีเจอร์ E-commerce ที่ดีในตัว โดยที่ไม่ต้องมานั่งยุ่งกับเรื่องเทคนิคเลย นี่คือแพลตฟอร์มที่คุณตามหา!

เลือกอย่างไรให้ "เหมาะกับงาน" ของคุณจริงๆ?

ตอนนี้คุณคงพอเห็นภาพรวมของแต่ละแพลตฟอร์มแล้วใช่ไหมครับ? คราวนี้มาถึงช่วงสำคัญที่สุดคือการ "เลือกให้เหมาะกับงาน" ของคุณจริงๆ

ลองตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองดูครับ:

  1. คุณมีทักษะด้านเทคนิคมากแค่ไหน?
    • ไม่เลย/น้อยมาก : เน้นใช้งานง่าย ไม่ปวดหัวเรื่องโค้ด/เซิร์ฟเวอร์ -> Wix หรือ Squarespace
    • พอมีบ้าง/พร้อมเรียนรู้ : อยากได้ความอิสระ ควบคุมได้ -> WordPress
    • เป็นนักพัฒนา/มีงบจ้าง : ต้องการเว็บไซต์ที่ไม่มีข้อจำกัดเลย -> WordPress                              
  2. งบประมาณของคุณเป็นอย่างไร?
    • จำกัดมาก (แต่อยากให้ดูดี) : -> Wix (แพ็คเกจฟรี/เริ่มต้น) หรือถ้ามีงบประมาณสำหรับบริษัทรับทำเว็บไซต์ ก็เป็นอีกทางเลือก
    • ปานกลางถึงสูง : พร้อมลงทุนเพื่อเว็บไซต์ที่ดีที่สุด -> WordPress (ค่าโฮสติ้ง/ปลั๊กอิน/ธีม) หรือ Squarespace (แพ็คเกจพรีเมียม)                                                                           
  3. คุณต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมากแค่ไหน?
    • แค่สวยงามก็พอ ไม่ต้องฟีเจอร์เยอะ : -> Wix หรือ Squarespace
    • อยากให้ปรับแต่งได้ละเอียดถึงโค้ด ใส่ฟีเจอร์ได้ไม่จำกัด : -> WordPress                                         
  4. แผนการในอนาคตของเว็บไซต์คุณเป็นอย่างไร?
    • เว็บไซต์เล็กๆ ไม่ได้ขยายอะไรมาก : -> Wix หรือ Squarespace
    • จะขยายฟังก์ชันให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจมีระบบสมาชิก, คอร์สเรียน, หรือฟีเจอร์เฉพาะทาง :                -> WordPress คือคำตอบเดียวที่ยืดหยุ่นพอ                                                                    
  5. ความสำคัญของการทำ SEO เป็นอย่างไร?
    • แค่มีเว็บไซต์ให้ค้นหาเจอพอประมาณ : -> Wix หรือ Squarespace ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง
    • ต้องการติดอันดับการค้นหาสูงๆ มีการแข่งขันสูง ต้องทำ รับทำSEO แบบจริงจัง: -> WordPress คือราชาด้านนี้ครับ คุณสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญรับทำSEO มาดูแลบนแพลตฟอร์มนี้ได้ง่ายกว่ามาก           

ยกตัวอย่างสถานการณ์:

  • คุณเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ อยากมี Portfolio สวยๆ โชว์ผลงาน : Squarespace คือตัวเลือกแรกๆ ที่ผมแนะนำเลยครับ เพราะเน้นการนำเสนอภาพและดีไซน์ที่ดูมืออาชีพมากๆ

 

  • คุณมีร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ขนาดเล็ก อยากเปิดร้านให้เร็วที่สุด : Wix หรือ Squarespace ก็เหมาะครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบดีไซน์แบบไหนมากกว่า

 

  • คุณกำลังจะเปิดบริษัทที่ปรึกษา ต้องการเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ มีบล็อกให้ความรู้ และอาจมีระบบสมาชิกในอนาคต : WordPress คือคำตอบที่ใช่ครับ เพราะมันรองรับการเติบโตและการเพิ่มฟังก์ชันได้ไม่จำกัด และถ้าคุณจะจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ พวกเขาก็มักจะแนะนำ WordPress ให้คุณ

 

  • คุณเป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว อยากเขียนรีวิวเยอะๆ และทำ SEO เพื่อดึงคนเข้าเว็บไซต์ : WordPress คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการทำบล็อกและรับทำSEO ครับ

 

บทสรุป: ไม่มีแพลตฟอร์มไหนดีที่สุด มีแต่ "ที่เหมาะกับคุณที่สุด"

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นนะครับ การเลือกแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะมันคือรากฐานของอาณาจักรดิจิทัลของคุณ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจความต้องการของตัวคุณเองหรือธุรกิจของคุณให้ดีที่สุด ไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่ "ดีที่สุด" ในทุกด้าน แต่จะมีแพลตฟอร์มที่ "เหมาะกับงาน" ของคุณมากที่สุดเสมอ

ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร ขอให้สนุกกับการสร้างเว็บไซต์ของคุณนะครับ และถ้าติดขัดตรงไหน หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ หรือการรับทำSEO ก็อย่าลังเลที่จะสอบถามได้เลยครับ!